เจมี่คาร์ราเกอร์

เจมี่คาร์ราเกอร์ กูรูฟันธงตรงลิเวอร์พูลเขี่ยใครหล่น

เจมี่คาร์ราเกอร์ กูรูคนดังของวงการลูกหนังพรีเมียร์ลีก

เจมี่คาร์ราเกอร์ ลงความเห็นตรงกันเป๊ะว่าลิเวอร์พูลมีโอกาสคว้าอันดับท็อปโฟร์ในซีซั่นนี้ พร้อมระบุชื่อทีมที่จะผิดหวังลิเวอร์พูล เดินหน้ากำชัยในลีกได้ 7 นัดติดต่อกันแล้ว และยังไล่จี้ นิวคาสเซิ่ล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่อการแซงหน้าขึ้นคว้าอันดับท็อปโฟร์อย่างไม่เลิกราโดยหลังบุกไปทุบ เลสเตอร์ 3-0 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งรั้งอันดับห้ามีคะแนนตามหลัง สาลิกาดง และ ปีศาจแดง แค่แต้มเดียว แต่ลงเล่นมากกว่าทั้งสองทีมหนึ่งนัดอย่างไรก็ดี ด้วยเหตุที่ ลิเวอร์พูล กำลังแรงปลาย อีกทั้งโปรแกรมท้ายซีซั่นเอื้อให้สร้างผลงานชนะรวด 9 นัดติดต่อกันด้วย

ทั้ง เนวิลล์ และ คาร์ราเกอร์ จึงมองตรงกันว่า เร้ด แมชีน จะเก็บได้อีก 6 แต้มเต็มในสองนัดสุดท้าย ขณะที่ นิวคาสเซิ่ล กับ แมนฯ ยูไนเต็ด อาจทำแต้มตกหล่นได้ และจะต้องหลุดจากอันดับท็อปโฟร์ หากแต่อดีตสองนักเตะระบุเหมือนกันว่า เดอะ แม็กพายส์ มีสิทธิ์ฝันสลายมากกว่า เร้ด เดวิลส์ เนื่องจากโปรแกรมที่เหลืออยู่ของทีมอีสานมีความยากลำบากมากกว่า”นิวคาสเซิ่ล เป๋เล็กน้อยหลังแพ้ อาร์เซน่อล และพวกเขาเสมอกับ ลีดส์ ดังนั้นผมน่าจะบอกว่า นิวคาสเซิ่ล มีโอกาสพลาดมากที่สุด ไม่ใช่ว่าผมมั่นใจโอกาสของ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะสบายกว่า การบุกไปเยือน เชลซี ในนัดสุดท้ายของซีซั่น ผมรู้ว่า เชลซี ย่ำแย่ แต่ผมยังเชื่อว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก” เนวิลล์ อดีตกองหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด เอ่ย”ผมไม่อยากจะคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด สำหรับการพลาดอันดับท็อปโฟร์ ผมเชื่อเสมอว่า ลิเวอร์พูล จะจบอันดับท็อปโฟร์ได้จากผลงานของพวกเขาในตอนนี้ ผมคิดว่า นิวคาสเซิ่ล จะทำแต้มหล่นก่อนหน้านี้ แต่พวกเขาเยี่ยมมาก ผมคิดว่า แมนฯ ยูไนเต็ด จะติดอันดับท็อปโฟร์ ดังนั้นมันจึงลำบากสำหรับ นิวคาสเซิ่ล”ด้าน คาร์ราเกอร์ อดีตกอง

เจมี่คาร์ราเกอร์

หลัง ลิเวอร์พูล เอ่ยว่า “ผมคิดว่า นิวคาสเซิ่ล มีซีซั่นที่เหลือเชื่อ พวกเขาเป็นหนึ่งทีมที่ผมเฝ้ารอดูการลงสนาม

พวกเขาโดดเด่นมากแม้ว่าพวกเขาจะทำแต้มหล่น มันก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาเล่นได้แย่ถึงทำแต้มหล่น””แต่ใช่ผมคิดว่าเกมกับบรท์ตัน(วันพฤหัสบดีนี้)จะเป็นเกมใหญ่ และหากพวกเขาทำแต้มหล่น ผมคิดว่ามันจะน่าเป็นกังวลมาก”มันมาแบบไม่ทันตั้งตัวรู้อีกทีเขาก็กลายเป็นกำลังสำคัญของลิเวอร์พูลและเป็นหนึ่งในคนที่โชว์ฟอร์มดีที่สุดในช่วงท้ายฤดูกาลภายหลังประสบความปราชัยแบบหมดรูสู้ต่อแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่เอติฮัดสเตเดี้ยมเกมถัดมาที่สแตมฟอร์ดบริดจ์เจอร์เก้น คล็อปป์สับเปลี่ยนผู้เล่นตัวจริงถึง6รายลงเล่นเจอเชลซีซึ่งหนึ่งในนั้นคือการได้โอกาสลงสนามของเด็กหนุ่มเลือดสเกาส์คนนี้ท่ามกลางปัญหาสารพันที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเรื่องผลการแข่งขันหรือฟอร์มการเล่นจุดทีลิเวอร์พูลถูกโจมตีมากที่สุดคือแผงกองกลางจนนำไปสู่การยกเครื่องใหมเป็นจุดที่ต้องแก้ไขเป็นอย่างแรก”ผมไม่ได้กังวลเลยผมไม่สนหรอกว่าเราจะเซ็นสัญญากับใครผมเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงผมยังเชื่อว่าตัวเองจะประสบความสำเร็จกับที่นี่ได้ผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ”เด็กหนุ่มชาวเมืองลิเวอร์พูลล่าวแบบไม่ยี่หระถึงเรื่องนั้นบางคนได้ยินแล้วก็หัวเราะต่อสิ่งที่เขาพูดออกมาหลังเกมเจอกับเชลซีเพราะเมื่อพิจารณาถึงพัฒนาการนับตั้งแต่ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนฤดูกาล 2019/20 ไม่มีทีท่าเลยว่าพวกเขาจะหวังอะไร

ในผู้เล่นคนนี้ได้อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนั้น ไม่มีเกมไหนอีกเลยที่คนที่เคยดูแคลนจะไม่เห็นชื่อ

เคอร์ติสโจนส์หลุดโผจากทีมชีท 11 คนแรกเด็กปั้นจากอะคาเดมี่วัย 22 ปี ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมลีก 9 นัดติดต่อกันนั่นคือตัวเลขที่มากที่สุดในอาชีพและมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งกับการรื้อฟื้นความมีชีวิตชีวาในช่วงที่กำลังจะก้าวสู่อีกยุคหนึ่งของคล็อปป์เขาเติบโตขึ้นแบบผิดหูผิดตาซึ่งชัยชนะที่ได้มาต่อเลสเตอร์ซิตี้ 3-0 ที่ คิงเพาเวอร์สเตเดี้ยมก็ยืนยันว่าโจนส์เดินมาไกลกว่าแต่ก่อนมากอาการบาดเจ็บตรงกระดูกดูเหมือนจะไม่ได้มีผลกระทบต่อเกมการเล่นอีกต่อไปมันจึงทำให้เขาสามารถลงซ้อมได้อย่างสม่ำเสมอและเรียกจังหวะการเล่นของตัวเองออกมาได้แบบเต็มที่อย่างไรเสีย ยังมีเรื่องสำคัญมากกว่าแค่การรักษาร่างกายให้เต็มร้อยคือการที่โจนส์น้อมรับสิ่งที่เจอร์เก้นคล็อปป์กับเป๊ปไลจ์นเดอร์สต้องการในด้านแท็คติก ไม่ว่าจะทั้งตอนที่ได้ครองบอลและตอนที่ไม่ได้ครองบอล”เคอร์ติส พัฒนาขึ้นมากมีหลายอย่างที่มาควบคู่กัน”บอสชาวเยอรมันเผย”คุณต้องไม่ลืมว่าเขายังเด็ก และเมื่อปีสองปีก่อนเขาได้เล่นเกมใหญ่ ๆให้กับเรามาแล้วจากนั้นเขาก็มีอาการบาดเจ็บ ปีนี้เลยดูแย่”สำหรับโจนส์ในวันนี้เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้ครองบอลนั้นเขาเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิม

และเขาก็ช่ำชองในด้านการแย่งบอลกลับมาเวลาที่เกมรุกโดนขัดได้ด้วย”เขาได้ดูเกมฟุตบอลมากมาย

เขาเข้าใจเกมมากขึ้น และมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ผมคิดว่าจุดที่เขาพัฒนาขึ้นมาคือการเล่นเคาน์เตอร์-เพรสซิ่งมันยอดเยี่ยมและความเร็วในการเล่นของเขา””เขาไม่เก็บบอลเอาไว้กับตัวเป็นเวลานานขนาดนั้นแล้ว เขาตัดสินใจได้เร็วขึ้นและเป็นคนที่จบสกอร์ได้ดีด้วยเราได้เห็นถึงเรื่องนั้นไปแล้ว2ครั้งทั้ง 2 ประตูที่เกิดขึ้นในวันนี้มันยอดเยี่ยมมากๆผมไม่มั่นใจว่ามันเป็นโอกาสที่จะแจ้งรึเปล่าตอนนี้เขากำลังมีช่วงเวลาที่ดี”ระบบใหม่ที่เทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ขยับแนวทางการเล่นมาเป็นมิดฟิลด์เคียงข้างฟาบินโญ่ส่งให้โจนส์มีอิสระในการเติมเกมรุกเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากขึ้นรวมถึงหาพื้นที่ว่างให้เกิดประโยชน์สองประตูที่เกิดขึ้นที่รังเหย้าเดอะฟ็อกซ์ฟ้องให้เห็นถึงสิ่งนั้นและเป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อชัยชนะติดต่อกันนัดที่7ทำให้ความหวังติดท็อปโฟร์ยังคงอยู่ประตูแรกคล้ายกับลูกยิงในเกมเจอท็อตแน่มฮ็อตสเปอร์โดยคล็อปป์วางให้โจนส์เป็นเป้าหมายบริเวณเสาไกลและการเคลื่อนที่กับการจบสกอร์ของเขาก็ทำได้อย่างสมบูรณ์แบบส่วนลูกสองโจนส์วางเท้ายิงควบคุมลูกบอลได้ดีเยี่ยมหมุนตัวยิงผ่านมือแดเนี่ยลไอเวอร์เซ่น

จากระยะ 16 หลาและนี่เป็นประตูที่ 3 จาก 4 เกมหลังสุดซึ่งเทียบเท่ากับก่อนหน้านี้ 57 นัดแรกบนเวทีพรีเมียร์ลีกที่ทำได้ 3 ลูกเท่ากันเกมล่าสุดสถิติของโจนส์ ก็ช่างน่าประทับใจยิ่งนักการผ่านบอลตรงเป้า 60จาก 66 ครั้ง (91%) แถมเอาชนะการดวลตัวตัว5จาก8รั้งอีกทั้งยังเข้าปะทะบอลสำเร็จอีก 3 หนมันเป็นค่ำคืนที่น่าภาคภูมิใจต่อทีมงานสตาฟฟ์อะคาเดมี่สโมสรนอกจากโจนส์ สวมบทเป็นพระเอกตอนครึ่งแรกแล้วคนทำประตูปิดท้ายก็มาจากเทรนท์อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อีกหนึ่งผลผลิตของทีมด้วยการซัดฟรีคิดสุดสวยส่งบอลทะยานสู่ก้นตาข่าย

ติดตามบทความใหม่ๆเพิ่มเติม ahpanama.com

Releated